ศจย.เผยวิจัยกว่า 7 พันชิ้น ย้ำชัด "บุหาไฟฟ้า" อันตราย ต้องห้ามขายหวั่นเด็กสูบพุ่งแบบอังกฤษเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ผศ.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวรายงานผลพิจารณาศึกษา เรื่องยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ ของกรรมาธิการการ (กมธ.) พาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา
สภาผู้แทนราษฎรว่า ยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนในระยะยาวนั้น จริงๆ แล้ว จากรายงานวิจัยของ NASEM ตั้งแต่ปี 2018-2021 มีรายงานวิจัยใหม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่า 7,000 ชิ้น พบอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบร่างกายชัดเจน ไอบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง ซึ่งนักวิจัย นักวิชาการทั่วโลกต่างเรียกร้องให้ออกมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
“สอดคล้องกับรายงานมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ปี 2022 ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อสุขภาพ ไอบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษมากกว่า 100 ชนิด นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสมองโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่แต่มาสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสสูบบุหรี่เพิ่ม 3 เท่า ขณะที่ปี 2020 อัตราสูบบุหรี่มวนลดจากมาตรการกฎหมายและบริการช่วยเลิกบุหรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เลิกได้ด้วยวิธีหักดิบ แต่อัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเยาวชน 14-17 ปี ที่ไม่เคยสูบเลย สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่ม 5 เท่า และผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่ มีโอกาสสูบบุหรี่ซ้ำสูง” ผศ.นพ.วิชช์ กล่าว
ผศ.นพ.วิชช์ กล่าวว่า ในรายงานของ กมธ.พาณิชย์ฯ ฉบับนี้ ยังมีข้อเสนอแนะถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการค้าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย คือ การเข้าร่วมพิธีสารว่าด้วยการขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย ในกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก และในรายงานฉบับนี้ไม่มีส่วนใดเลยที่เสนอให้ยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งรัฐสภา จึงต้องสนับสนุนนโยบายนี้ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยไม่ให้เกิดหายนะทางสาธารณสุขอย่างที่กำลังเกิดกับอังกฤษ ที่พบเด็ก 15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึง 18% โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเพิ่มสูงกว่าเด็กผู้ชายจาก 10% เป็น 21% ระหว่างปี 2018-2021 เด็กที่สูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 29% เป็น 61% และนิวซีแลนด์ พบเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหลังยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าจาก 1.8% ปี 2018 เป็น 9.6%