เลิกเชื่อเรื่องลวง "บุหรี่ไฟฟ้า" ความจริงอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน?

เลิกเชื่อเรื่องลวง "บุหรี่ไฟฟ้า" ความจริงอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน?

สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในไทย เริ่มระบาดเพิ่มขึ้นทั้งวัยผู้ใหญ่และเด็กวัยเรียน โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ปี 2564 เด็กนักเรียนใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2558 เพิ่มจาก 13.8 เปอร์เซ็นต์ เป็น 14.7 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 3.3 เปอร์เซ็นต์ เป็น 8.1 เปอร์เซ็นต์

ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ จัดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 20 เรื่อง “บุหรี่ไฟฟ้า ภัยซ่อนเร้นในสังคม” ณ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ 29 ส.ค. เพื่อเปิดเผยความจริงของบุหรี่ไฟฟ้า ปกป้องสุขภาพเด็ก เยาวชน ตั้งแต่ต้นทาง ดังที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการะทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศจุดยืน "ไทยไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ"

สำหรับความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามีอยู่หลายมายาคติ คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน อีกทั้งยังมีกลิ่นรสจูงใจ สูบแล้วรู้สึกว่า ทันสมัย โดดเด่น เป็นที่สนใจในสายตาสังคม แต่ความจริงแล้วเป็นอย่างไรนั้น เสวนาวิชาการ เรื่อง ทลายมายาคติ : เลิกเชื่อเรื่องลวงมาฟังเรื่องจริง (Debunk e-cigarette myth: from lie to real) มีคำตอบ

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา เลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้อันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน พบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลข้างเคียงได้เร็ว รวมถึงส่งผลต่อร่างกายทั้งหลอดเลือด สมอง หัวใจ ระบบการหายใจ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ ทั้งนี้ ในสัตว์ทดลองพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของถุงลมแบบเดียวกับที่พบโรคถุงลมโป่งพอง เป็นไปได้ว่า ถ้าสูบไปสักพักหนึ่งจะเกิดโรคเดียวกันกับบุหรี่มวน

ด้าน ศ.ดร.อิศรา ศานติศาสน์ ประธานมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) เปิดเผยถึงความเชื่อที่ว่าถ้าเปิดเสรีบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ไม่มีบุหรี่ไฟฟ้าหนีภาษี ว่า ไม่จริง เพราะบุหรี่มวนที่เปิดให้ขายได้อย่างเสรี ก็ยังพบบุหรี่มวนหนีภาษี หากนำเข้าได้แล้วโดยปกติราคาจะสูงขึ้น เชื่อว่าคนจะไม่อยากสูบของแพง โดยเฉพาะผู้สูบเดิม ส่วนคนที่จะซื้อบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายจะกลายเป็น นักสูบหน้าใหม่ อัตราการสูบก็จะเพิ่มขึ้นจากกลุ่มเยาวชนหนุ่มสาว เพราะอัตราการสูบบุหรี่ที่โตเร็วที่สุดคือ จากอายุ 18 ปี เป็นอายุ 19 ปี ช่วงวัยที่จบจากมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าสู่มหาวิทยาลัย จึงเกิดคำถามว่า การแสวงหารายได้จากภาษีหรือการหาเงินจากเยาวชน มันถูกต้องแล้วหรือ อีกทั้งความเชื่อที่ว่า เปิดเสรีแล้วทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือรายรับเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ต้องเข้าใจว่า ไม่ได้เกี่ยวกับรายได้ประชาชาติ เป็นรายรับภาษีที่อาจจะดีขึ้นได้แต่เป็นการขายให้เยาวชน นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้ใช้ยาเส้นแบบบุหรี่มวน จะเกิดผลกระทบต่อรายได้ของชาวไร่ยาสูบที่ลดน้อยลงด้วย

Credit : https://www.hfocus.org/content/2022/08/25859


พิมพ์