ศจย. เผยผลวิจัย ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ “มากกว่า 7,000 ชิ้น”

ศจย. เผยผลวิจัย ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ “มากกว่า 7,000 ชิ้น”

ศจย. Press release ฮิต: 310

ศจย. เผยผลวิจัย ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ “มากกว่า 7,000 ชิ้น” ยืนยันบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อระบบต่างๆ ของร่างกายชัดเจน ชี้ ไอบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ “มากกว่า 100 ชนิด” เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการวามรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวปรากฏเกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาศึกษา

เรื่องยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ ของกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎรนั้น ความเห็นของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ฯ เกี่ยวกับแนวทางบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทยคือ ยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนในระยะยาว ทั้งนี้จากรายงานวิจัยของ NASEM (National Academies of Science, Engineering and Medicine, USA) ตั้งแต่ปีค.ศ.2018-2021 มีผลรายงานวิจัยใหม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่า 7,000 ชิ้น พบอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบต่างๆ ของร่างกายชัดเจน โดยบ่งชี้ถึงผลกระทบของไอบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบทางเดินหายใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ซึ่งนักวิจัย นักวิชาการทั่วโลกรวมถึงไทยที่ห่วงใยถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า ต่างเรียกร้องให้ออกมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
“สอดคล้องกับรายงานของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University - ANU) ค.ศ.2022 ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพในไอบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษมากกว่า 100 ชนิด ซึ่งอันตรายของนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่แต่มาสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า และรายงานสรุปพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของ ANU ค.ศ.2020 พบว่าอัตราการสูบบุหรี่มวนลดลงได้ด้วยมาตรการทางกฎหมายและการให้การช่วยเหลือเลิกบุหรี่ ซึ่งในกลุ่มคนที่เลิกบุหรี่ได้ส่วนใหญ่ใช้วิธีหักดิบ (cold turkey) โดยอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากลับค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ 14-17 ปี ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า และพบว่าผู้ที่เคยสูบบุหรี่ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่มีโอกาสกลับเป็นผู้สูบบุหรี่ซ้ำสูง” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าว

ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในรายงานของกรรมาธิการการพาณิชย์ฯ ฉบับนี้ ยังมีข้อเสนอแนะถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายคือ การเข้าร่วมพิธีสารว่าด้วยการขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย ในกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก และในรายงานฉบับนี้ ไม่มีส่วนใดเลยที่เสนอให้ยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งรัฐสภา จึงต้องสนับสนุนนโยบายนี้ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า และไม่ให้เกิดหายนะทางสาธารณสุข เช่นที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ พบเด็กอายุ 15 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึง 18% โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงกว่าเด็กผู้ชาย เพิ่มจาก 10% เป็น 21% ระหว่างปีค.ศ.2018-2021 เด็กที่สูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 29% เป็น 61% และนิวซีแลนด์ พบเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหลังยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าคือจาก 1.8% เมื่อปีค.ศ.2018 เพิ่มเป็น 9.6% ในปีค.ศ.2021 แม้ว่าประเทศเหล่านี้มีกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็กต่ำกว่า18 ปี

รายละเอียดติดต่อ: หริสร์ ทวีพัฒนา นักวิชาการ ศจย. โทร: 061-7244411 Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Press Release
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
ข่าวเผยแพร่: วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2565 (วันที่ข่าวตีพิมพ์สามารถเผยแพร่ได้ทันที)

พิมพ์