จับตาสารพัดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ทำคนไทยป่วยหนัก ตายก่อนวัยอันควร

จับตาสารพัดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ทำคนไทยป่วยหนัก ตายก่อนวัยอันควร

เปิดเผยข้อมูลล่าสุด “จับตาสารพัดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ทำคนไทยป่วยหนัก ตายก่อนวัยอันควร” ผลศึกษา “รายงานภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากร” ชี้สาเหตุสำคัญจากพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง "บุหรี่-เหล้า-ความดันโลหิตสูง-โรคอ้วน" ทำคนไทยป่วย ตายก่อนวัยอันควร โดยพบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งทำคนไทยตายสูงสุด 55,000 คนต่อปี

และคนสูบบุหรี่ตายเร็วขึ้นเฉลี่ยคนละ 18 ปี จากโรคมะเร็งโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง และโรคปอด

วันนี้(18 ก.พ. 2562) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ แผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาวิชาการ “ต้นสายปลายเหตุ ภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่คนไทยต้องแบกรับ” โดยมี ศ.นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานกรรมการกำกับทิศแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบายเป็นประธานดำเนินรายการ
ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัวหน้าแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ได้เปิดเผย“รายงานภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากร พ.ศ. 2557” ที่ทำการศึกษา 14 ปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่สำคัญของคนไทย พบสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและตายก่อนวัยอันควร ในเพศชาย ได้แก่ การดื่มสุราและสูบบุหรี่ ส่วนเพศหญิง ได้แก่การมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนและภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งพฤติกรรมทางสุขภาพที่เสี่ยงเหล่านี้ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคมะเร็ง หัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และยังส่งผลต่อการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นผลจากการดื่มสุรา
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า บุหรี่ยังคงเป็นต้นเหตุสำคัญอันดับหนึ่งของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในคนไทย พบครึ่งหนึ่งของคนสูบบุหรี่จะเสียชีวิตจากบุหรี่ ปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่ 10.7 ล้านคน และในแต่ละปีคนไทยตายจากบุหรี่ปีละ 55,000 คน ซึ่งเฉลี่ยจะตายก่อนวัยอันสมควรคนละ 18 ปี นอกจากนี้บุหรี่ยังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจซึ่งมูลค่าที่สูญเสียสูงกว่าภาษีจากบุหรี่ที่รัฐจัดเก็บได้ถึง 2 เท่า
ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช รองผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าอัตราการสูบบุหรี่ในคนไทยมีแนวโน้มที่ลดลง และสัดส่วนของคนไม่สูบบุหรี่ต่อคนสูบบุหรี่สูงขึ้น แต่ยังจะพบอัตราการตายจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งการศึกษาทั่วโลกพบการเปลี่ยนแปลงของอัตราการตายจากบุหรี่จะเกิดขึ้นช้ากว่าอัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงถึง 30-40 ปี หรือกล่าวได้ว่าอัตราการตายจากบุหรี่ในปัจจุบันเป็นผลของสถานการณ์การสูบบุหรี่เมื่อ 30-40 ปีก่อนหน้า ทั้งนี้มาตรการสำคัญในการควบคุมการบริโภคยาสูบต้องดำเนินต่อเนื่องอย่างเข้มข้นเพื่อช่วยลดความสูญเสียอันเกิดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งมาตรการเร่งด่วนในปัจจุบันที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการได้แก่

  • กรมสรรพสามิตควรปรับอัตราภาษีบุหรี่เป็นอัตราเดียวกันคือ 40% ตามแผนที่กำหนดไว้ การใช้อัตราภาษีหลายระดับจะไม่ช่วยลดการบริโภคแต่ทำให้ผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปบริโภคสินค้าที่ถูกกว่า
  • กรมสรรพสามิตควรเร่งพิจารณาขึ้นภาษียาเส้นที่ปัจจุบันมีราคาถูกว่าบุหรี่โรงงานหลายเท่าทั้งที่พิษภัยจากการสูบไม่แตกต่างกัน
  • กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดระบบควบคุมบุหรี่ผิดกฎหมาย
  • กระทรวงสาธารณสุขควรเร่งพัฒนาระบบการช่วยเลิกบุหรี่ และ
  • กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มหาดไทย สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการจังหวัดในการควบคุมยาสูบ

ดร.ภญ.อรทัย วลีวงศ์ นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ทำให้คนไทยป่วยและตายก่อนวัยอันควร และยังคงเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียปีของการมีสุขภาวะที่ดีในผู้ชายไทย แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 22,000 ราย ซึ่งเฉลี่ยจะตายก่อนวัยอันสมควรจากการป่วยด้วยโรคจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คนละ 29 ปี เนื่องจากปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพเฉพาะตัวผู้ดื่ม แต่ยังสร้างปัญหาสุขภาพต่อบุคคลรอบข้างผู้ดื่มด้วยทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การทำร้ายร่างกาย การได้รับอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ คุณภาพที่ชีวิตที่แย่ลงของสมาชิกในครอบครัวนักดื่ม ตลอดไปจนถึงปัญหาสังคมและความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกย้ำว่า “ไม่มีการดื่มในระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เหล้าเข้าปากเมื่อไหร่ เสี่ยงเมื่อนั้น” การจัดการปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะลดภาระโรคและความสูญเสียทางด้านสุขภาพและรักษาชีวิตนักดื่มแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสังคมอื่น ๆ ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งดำเนินการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การขึ้นภาษี การลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือการจัดการที่จุดจำหน่ายหรือบริการ และการควบคุมการโฆษณาส่งเสริมการขายของบริษัทเหล้า ซึ่งเป็นนโยบายที่มีประสิทธิผลในการลดการดื่มของประชาชนและลดผลกระทบในภาพรวมของประเทศได้
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวย้ำถึงอันตรายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำคนไทยตายมากกว่าโรคติดต่อถึง 3 เท่า และยังสร้างความพิการ คุณภาพชีวิตตกต่ำ เป็นต้นเหตุความยากจนและความรุนแรงในสังคม ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังป้องกันได้ถึง 70% และส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่ทำอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะยาสูบ เหล้าเบียร์ อาหารที่มีส่วนผสมในระดับอันตรายจากเกลือโซเดียม น้ำตาล ไขมัน และการไม่มีพื้นที่เชิงบวกที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ฯลฯ นพ.คำนวณ ยังได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงในช่วงเลือกตั้งควรแสดงจุดยืนและประกาศนโยบายพรรคเพื่อจัดการปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ ซึ่งมาตรการสำคัญคือการขึ้นภาษีสินค้าที่ทำลายสุขภาพโดยเฉพาะบุหรี่และสุรา
นอกจากนี้ ดร.ภญ. ฐิติพร สุแก้ว นักวิจัยแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย ได้เสนอถึงความสำคัญของการมีมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ตัวอย่างผลกระทบของมลพิษทางอากาศจากฝุ่นขนาดเล็กกับสุขภาพจากการศึกษาผลกระทบทางสุขภาพจากหมอกควันภาคเหนือพบความสัมพันธ์ระหว่าง การเพิ่มขึ้นของระดับมลพิษ PM10 รายวันมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในช่วงหมอกควันภาคเหนือ 2.5-4 เท่าของระดับมลพิษปกติในแต่ละจังหวัดมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของอัตราการตายก่อนวัยอันควรและการเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด 
แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการสูบบุหรี่และอัตราการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่
พบว่าแม้ว่าอัตราการสูบบุหรี่ในประชากรจะมีแนวโน้มที่ลดลงแล้ว แต่อัตราการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ยังจะคงเพิ่มสูงขึ้น (จากระยะที่ 3 ในภาพ) ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราการตายจากบุหรี่จะเกิดขึ้นช้ากว่าอัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงถึง 30-40 ปี หรือกล่าวได้ว่าอัตราการตายจากบุหรี่ในปัจจุบันเป็นผลของสถานการณ์การสูบบุหรี่เมื่อ 30-40 ปีก่อนหน้า

Press Release
ข่าวเผยแพร่: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 (วันที่ข่าวตีพิมพ์สามารถเผยแพร่ได้ทันที)


พิมพ์