"บุหรี่ไฟฟ้า" ครั้งแรกในไทย ห่วงเยาวชน 1 ใน 3 อยากลอง เชื่อไม่อันตราย เผยทั่วโลกดับแล้ว 48 ศพ เผยแพร่: 11 ธ.ค. 2562 15:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"บุหรี่ไฟฟ้า" ครั้งแรกในไทย ห่วงเยาวชน 1 ใน 3 อยากลอง เชื่อไม่อันตราย เผยทั่วโลกดับแล้ว 48 ศพ เผยแพร่: 11 ธ.ค. 2562 15:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เร่งทำระบบแจ้งเหตุป่วยจาก "บุหรี่ไฟฟ้า" ครั้งแรกในไทย ห่วงเยาวชน 1 ใน 3 อยากลอง เชื่อไม่อันตราย เผยทั่วโลกดับแล้ว 48 ศพเผยแพร่: 11 ธ.ค. 2562 15:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์  | ทั่วโลกป่วยปอดอักเสบจาก "บุหรี่ไฟฟ้า" แล้ว 2,291 ราย ตาย 48 ราย ไทยพบป่วยรายแรก ศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาฯ ร่วม ศจย. ทำระบบเฝ้าระวังเจ็บป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้าครั้งแรก

หวังติดตามสถานการณ์ ยันไม่ช่วยเลิกนิโคติน แต่กลับทำให้ติดมากขึ้น ด้านผลโพลชี้เยาวชนยังรู้สึกดีกับบุหรี่ไฟฟ้า 1 ใน 3 อยากลอง เชื่อไม่มีอันตราย แนะเร่งสื่อสารข้อเท็จจริง บังคับใช้กฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าจริงจัง

วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่โรงแรมเดอะ สุโกสล ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดแถลงข่าว “วิกฤตสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยบุหรี่ไฟฟ้า” โดย ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผอ.ศจย. กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก จัดเป็นวิกฤตทางด้านสาธารณสุข ซึ่ง พ.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) ประกาศเตือนให้หยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด หลังพบป่วยปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 2,291 ราย และเสียชีวิต 48 ราย โดยในยุโรปที่ประเทศอังกฤษและเบลเยี่ยมก็พบผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ล่าสุดประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรกจากบุหรี่ไฟฟ้า เกิดปอดอักเสบเฉียบพลันและระบบหายใจล้มเหลว ปัจจุบันพบว่ามีรายงานการตายและป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้าในหลายประเทศ โดยมีข้อสังเกตทางการแพทย์ที่น่าตกใจ คือ เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วสามารถป่วยและตายได้ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน

“บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นภัยคุกคามของทุกประเทศทั่วโลก จึงสนับสนุนให้ประเทศไทย ควรมีระบบเฝ้าระวังการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และบังคับใช้กฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าจริงจัง เพื่อเตรียมการรับมือกับความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นฉุกเฉินจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องควรเร่งดำเนินการอย่างยิ่ง หากไม่ดำเนินการอะไร ไทยอาจจะมีนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และควรเร่งสื่อสารข้อเท็จจริงถึงอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อแก้ไขปัญหาความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ที่เป็นพลังสำคัญของชาติ” ศ.นพ.รณชัย กล่าว

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรรมการกำกับทิศ ศจย. กล่าวว่า หลายประเทศทั่วโลกกำลังตื่นตัวและเตรียมทบทวนการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ซึ่งมีการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแล้วในหลายประเทศ โดย พ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศห้ามบุหรี่ไฟฟ้า และบังคลาเทศมีแผนห้ามบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด เพราะหวั่นผลกระทบต่อเยาวชนและสุขภาพของคนในประเทศ สำหรับประเทศไทยบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้า ขาย บริการ และครอบครอง ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง เช่น ต.ค.ที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์ ส่งสินค้าทางไปรษณีย์ที่ย่านตลิ่งชัน มูลค่าของกลางกว่า 7 ล้านบาท และจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ที่ย่านคลองถมเซ็นเตอร์ จากการเข้าตรวจค้นกว่า 15 ร้านค้า พบผู้ต้องหาคนไทย 7 คน คนต่างด้าว 3 คน และพบของกลางจำนวนมาก อาทิ บุหรี่ไฟฟ้า 566 ตัว น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 5,158 ขวด อุปกรณ์ 1,362 ชิ้น หัวบุหรี่ไฟฟ้า 402 หัว มูลค่าของกลางกว่า 12 ล้านบาท

น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอยูคอมมินิเคชั่น กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนในกรุงเทพมานครที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า พบสัญญาณอันตรายหลายประเด็น คือ นักศึกษาเกือบ 100% รู้จักบุหรี่ไฟฟ้า โดย 1 ใน 3 อยากลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า และเกือบครึ่งมีทัศนคติที่ดีต่อบุหรี่ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับบุหรี่ธรรมดา คือ เป็นอันตรายน้อยกว่า ลดความเสี่ยงมะเร็งปอด ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาได้ และเชื่อว่าไม่ทำให้ติดเพราะไม่มีนิโคติน แม้จะมีข่าวดังทั่วโลกว่า มีคนตายจากบุหรี่ไฟฟ้าแล้วในสหรัฐอเมริกา แต่มีนักศึกษาประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่รู้ข่าวนี้ และจำนวน 1 ใน 6 ยังเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตรายเลย ทั้งนี้ ผลโพลตอกย้ำว่าสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนไทยน่าเป็นห่วง โดยเยาวชนยังมีความสับสนเรื่องข้อมูลของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย ซึ่งทั้งหมดนี่คือสัญญาณอันตรายอย่างมากที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย

ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า สารนิโคตีนนอกจากเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในสมองทำให้เสพติดได้แล้ว ยังมีผลต่อการทำงานระบบอื่นๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบหลอดเลือดและหัวใจ มีการศึกษาพบว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยในการเลิกนิโคตินเทียบกับการเลิกโดยวิธีมาตรฐาน อีกทั้งยังนำไปสู่การติดบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย ​ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคเส้นเลือดสมอง การใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังสัมพันธ์ภาวะปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตและในผู้ที่รอดชีวิตยังอาจเกิดโรคปอดเรื้อรังอีกด้วย บุคคลรอบข้างผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีอาการจากการได้รับบุหรี่มือสองได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืด มีการศึกษาพบว่า น้ำยานิโคตินของบุหรี่ไฟฟ้าอาจมีปริมาณสารนิโคตินไม่ตรงกับที่ฉลากกำกับไว้และมีสารปนเปื้อนอื่นได้อีกด้วย นอกจากนี้ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายังมีการแต่งสีและกลิ่นต่างๆ ซึ่งดึงดูดความสนใจของเด็ก หากเด็กนำมากินจะทำให้เกิดภาวะพิษจากนิโคตินเฉียบพลัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการชักและเสียชีวิตได้ ​

“เพื่อติดตามและเฝ้าระวังการเจ็บป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้า ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ร่วมกับ ศจย.กำลังสร้างระบบการเฝ้าระวังดังกล่าว เบื้องต้นได้ทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบาดเจ็บจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการวินิจฉัยและดูแลรักษา นอกจากนี้ รพ.รามาธิบดีได้เตรียมการสร้างระบบเครือข่ายเชื่อมโยงในการดูแลผู้บาดเจ็บจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะทำระบบรับแจ้งเหตุจากบุหรี่ไฟฟ้า (e-cig emergency) จากศูนย์รับแจ้งเหตุห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อให้มีการดูแลที่มีประสิทธิภาพและมีฐานข้อมูลเพื่อติดตามสถานการณ์การบาดเจ็บจากบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผู้สูบบุหรี่สามารถปรึกษาเลิกบุหรี่กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อการเลิกบุหรี่ที่ถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ เลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าวันนี้เพื่อสุภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักกันดีกว่า” ศ.นพ.วินัย กล่าว

รายละเอียดข่าวที่ : https://mgronline.com/qol/detail/9620000118253


พิมพ์