เมื่อวันที่ 14 ม.ค. รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยงานวิจัยใหม่ที่ยืนยันว่า “บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา” เพราะเพิ่มความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แม้คนสูบจะไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน โดยงานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาจากข้อมูลสำรวจสุขภาพประชากรของสหรัฐอเมริกา (National Health Interview Survey)
วันที่ 5 มกราคม 2567 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าปัจจุบัน สารปรุงแต่งกลิ่นและรสในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า มีความหลากหลายมากถึง 16,000 รสชาติ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มกลิ่นผลไม้ ขนมหวาน เครื่องดื่ม ลูกอม ซึ่งเป็นกลิ่นและรสที่นักสูบหน้าใหม่ชื่นชอบ นอกจากนี้ อุปกรณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือตัวน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า ยังเอื้อให้ผู้สูบสามารถนำสารเสพติดอื่นมาผสมได้อีกด้วย
บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า“ต้นทางแรก” เด็กและเยาวชน“ติดยาเสพติด”ต้องการปราบปรามยาเสพติดเด็ดขาด ต้องปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า การใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนทำให้เสพติดนิโคติน ซึ่งถือเป็นต้นทางแรก ประตูเชื่อม (gateway) ให้ไปสู่การเสพติด ยาเสพติดอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น
กรมควบคุมโรค เตือนอันตรายของควันบุหรี่ไฟฟ้า มีฝุ่นจิ๋ว PM 1.0 ดูดซึมง่าย ทำลายปอด หากสะสมไปเรื่อย ๆ อาจเกิดความเป็นพิษต่อยีนในเซลล์ ก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้ วันนี้ (10 ธันวาคม 2566) นพ.ธงชัย กีรติหัตยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ควันบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากจะมีนิโคตินปริมาณสูง สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย สารโลหะหนัก และสารเคมีก่อมะเร็งแล้ว
บริษัทยาสูบพยายามสร้างภาพว่าเปลี่ยนแปลง และจะทำให้โลก “ปลอดควันยาสูบ” แต่ก็ยังคงผลิตบุหรี่มวนไปขายในประเทศที่มาตรการการควบคุมยาสูบไม่เข้มงวด วันที่ 27 พ.ย. เป็นวันสาธารณสุขแห่งชาติ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย (สพท.) ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ที่รัฐสภาและแถลงการณ์เพื่อให้รัฐสภาเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560