บุหรี่ไฟฟ้า – เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 กันยายน ที่ห้องเทอควอยซ์ ชั้น 8 โรงแรมเอทัส ลุมพินี กรุงเทพฯ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับแพทยสภาแห่งประเทศไทย สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ และกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ จัดงานแถลงข่าว “หยุดสูบ หยุดตาย จากบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
พญ.นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร ผู้แทนสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญโรคปอด คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯ พบการเจ็บป่วยด้วยโรคปอดที่มีโอกาสสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 450 ราย ในระยะเวลาเพียงสองเดือน และเสียชีวิตแล้ว 7 ราย โดยมีอาการเริ่มต้น คือ ไอแห้ง เจ็บแน่นหน้าอก อาจมีไข้ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ อาเจียน บางรายเป็นรุนแรงและรวดเร็วถึงขั้นการหายใจล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เกิดขึ้นกับวัยรุ่นและวัยทำงานที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ปี โดยมีอาการรุนแรงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น และภาวะนี้ต่างจากโรคถุงลมโป่งพองที่เกิดจากการสูบบุหรี่ธรรมดา ที่เนื้อปอดจะเสียหายช้าๆ กว่าจะถึงขั้นหายใจล้มเหลวซึ่งใช้เวลานานมาก จึงอยากให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า
“ข้อมูลการรักษาจากภาพถ่ายรังสีปอดของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า เหมือนว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียรุนแรง แต่ตรวจไม่พบเชื้อโรค กระนั้นจากการตรวจเนื้อเยื่อปอดพบเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรค ได้ดักจับสารอนุภาคไขมัน เรียกว่า lipid-laden macrophage จนทำให้การทำงานของปอดผิดปกติ สอดคล้องกับสารหลายชนิดในบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีในบุหรี่ธรรมดา โดยเฉพาะสาร vegetable glycerin เป็นสารที่มีรสหวาน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สกัดจากน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว เมื่อโดนความร้อนจากอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะระเหยเป็นไอน้ำและถูกสูบเข้าปอด จึงสงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบรุนแรงในผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า” พญ.นภารัตน์ กล่าว
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ประชาชนมีความเข้าใจผิดร้ายแรงว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย โดยคิดว่าควัน ไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นเพียงละอองน้ำ ไอน้ำมีเพียงสารปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอม อ้างว่าสูบชนิดที่ไม่มีนิโคติน ในความเป็นจริงควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าที่เห็น มีฝุ่นขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล อโครลิน โลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก ตะกั่ว ซึ่งอาจมาจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์สูบที่โลหะหนักหลุดลอยจากขดลวดที่ชุบน้ำยา ขณะที่สารปรุงแต่งกลิ่นรสมีนับพันชนิด ที่ถูกความร้อนจนเกิดเป็นไอระเหย มีการวิจัยพบว่า แม้จะสูบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดที่ไม่มีนิโคตินก็ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด และระบบไหลเวียนโลหิตได้
อย่างไรก็ตาม จากผลรายงานการวิจัยเรื่อง “สูบบุหรี่ไฟฟ้า เสี่ยงเกิดมะเร็งเหมือนสูบบุหรี่ธรรมดา” พบว่าจำนวนเซลล์ผิดปกติที่พบในผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า และผู้สูบบุหรี่ธรรมดามีความใกล้เคียงกันมาก จึงสันนิษฐานได้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของเซลล์เนื้อเยื่อที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งอาจจะเป็นมะเร็งสายพันธุ์ใหม่ นอกเหนือจากมะเร็ง 12 ชนิดที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ธรรมดา
ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ล่าสุดแพทยสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะมีผลกระทบต่อการเกิดโรคปอด นับเป็นวิกฤตทางด้านสาธารณสุขของประเทศ ทั้งยังระบุให้เป็นปัญหาเร่งด่วน ที่มีการระบาดเทียบเท่ากับการระบาดของไวรัสโรคซาร์ส หรือ อีโบลา สะท้อนให้เห็นว่าต้องเร่งทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า จึงขอเรียกร้องให้คนไทย “หยุดการสูบบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อให้ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถเติบโตได้ในประเทศไทย ตลอดจนเป็นการป้องกันการนำไปสู่การเสพติดบุหรี่มวนหรือสารเสพติดอื่นๆ ต่อไป
วันที่ 19 กันยายน 2562 - 14:41 น.
Credit : https://www.matichon.co.th/local/news_1677217